Our Fish

วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2553

ปลาแม่บ้าน ตอน2


ปลาซัคเกอร์ กินตะไครดีมากแต่ไม่แนะนำให้เลี้ยงเพราะมีขนาดใหญ่มากและแพร่ขยายพันธุ์เร็วจนเป็นปัญหาต่อระบบนิเวศไทย


ปลาน้ำผึ้ง ปลาไทยที่กินตะใคร่ดีมากเช่นกันแต่ไม่เหมาะจะเลี้ยงในที่แคบเพราะก้าวร้าว


พานาเมนเซ่ ปลากินตะใคร่รูปร่างแปลกตานิยมเลี้ยงในตู้ต้นไม้น้ำ


ปลาแม่บ้าน ยอดนักทำความสะอาดประจำอควาเรี่ยม (ตอนที่ 2)
พิชิต ไทยยืนวงษ์

ปลาที่มีพฤติกรรมกินตะไคร่น้ำหรือกินเศษอาหารในตู้เลี้ยงที่ผมเรียกมันว่าปลาแม่บ้านนั้นมีมากมายหลายชนิดมากครับ จะขอยกตัวอย่างและบรรยายสรรพคุณให้อ่าน

1 ปลาซัคเกอร์
ปลาซัคเกอร์นี้ผมใช้เป็นตัวอย่างในการอ้างถึงปลาในหัวข้อสนทนาหลาย ๆ เรื่องด้วยกันจนรู้สึกสนิทสนมชิดเชื้อกับชื่อเจ้าปลาตัวนี้กันเป็นอย่างดี ปลาซัคเกอร์ในบ้านเรามักเรียกกันว่า “ปลาเทศบาล” หรือไม่ก็เรียก “ปลาดูด” กันตรง ๆ ไปเลยตามลักษณะปากของปลาชนิดนี้ แต่หากให้เรียกทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “ปลาซัคเกอร์” บ้านเรามักเรียกกันเพี้ยนไปเพี้ยนมาจนแปลความหมายไปต่าง ๆ กันซึ่งหลายชื่อก็ไม่ได้เกี่ยวกับตัวมันเองแต่อย่างใด อย่างเช่น ปลาช็อคเกอร์ (คนเลยเข้าใจไปว่ารูปร่างมันน่าเกลียดน่ากลัวจนช็อคสยองขวัญ), ปลาซ็อคเกอร์ (ไม่รู้มันไปเกี่ยวกับฟุตบอลเข้าได้ยังไงเนี่ย), ปลาชักเกอร์ (คือชักแล้วไม่ตาย ประมาณว่าชักหลอก ๆ ให้คนเก้อเล่น)
เอาเป็นว่าเรามาเรียกมันว่า “ปลาซัคเกอร์” หรือ “ปลาดูด” ก็แล้วกัน จะได้ไม่สับสนไปกันใหญ่

ปลาซัคเกอร์มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hypostomus plecostomus แหล่งอาศัยตามธรรมชาติของมันอยู่ตามแม่น้ำลำคลองในทวีปอเมริกาใต้ เป็นปลาขนาดใหญ่ เมื่อโตเต็มที่แล้วอาจมีขนาดได้ถึง 60 ซ.ม. แต่อยู่ในตู้ปลาแล้วมักไม่โตมาก อาจได้สักฟุต ส่วนใหญ่จะอยู่ราว ๆ 10-25 ซ.ม.
ลักษณะของปลาซัคเกอร์นี้แปลก คล้ายกับทัพพีด้ามยาว ๆ สีดำวางคว่ำเอาไว้กับพื้น ปลาชนิดนี้ไม่มีเกล็ด แต่ผิวหนังของมันพัฒนาขึ้นมาทดแทนจนแข็งยิ่งกว่าเกล็ดปลาโดยทั่วไปเสียอีก แถมยังมีหนามเล็ก ๆ เป็นการป้องกันภยันตรายจากการถูกสัตว์อื่นจับกินอีกต่างหาก ในวงวิชาการสัตว์น้ำเมืองไทยเรียกปลาซัคเกอร์ว่า “ปลากดเกราะ” ก็เนื่องมาจากจุดเด่นตรงนี้แหละ
ปากของซัคเกอร์ก็มีลักษณะเหมือนชื่อของมัน คือใช้ดูด ภายในปากมีฟันหรือเขี้ยวซี่เล็ก ๆ เรียงกันเอาไว้ขูดกินเนื้อเยื่อของสัตว์อื่นหรือตะไคร่น้ำให้หลุดออกจากผิวของวัตถุที่มันไปเกาะเพื่อกินเป็นอาหาร ปลาชนิดนี้จึงมีชื่อเสียงเรื่องของการกินตะไคร่ในตู้หรือบ่อปลามากที่สุด มันสามารถอยู่ร่วมกับปลาอื่น ๆ ได้โดยไม่ไปกัดทำร้าย แต่ด้วยสาเหตุที่เป็นปลาขนาดใหญ่ หากนำมาเลี้ยงในตู้คับแคบก็จะเป็นปัญหาไม่น้อย ปลาซัคเกอร์จึงเหมาะกับตู้หรือบ่อใหญ่ ๆ อย่างบ่อปลาคาร์พ คนที่เลี้ยงตู้เล็ก ๆ อย่าไปหามาเป็นแม่บ้านเลยครับ เดี๋ยวต้องเดือดร้อนหาที่ปล่อยกันวุ่นวาย
ข้อดีของปลาซัคเกอร์ ช่วยกินตะไคร่น้ำที่เกาะตามกระจกตู้และบ่อปลา
ข้อเสีย มีขนาดใหญ่ไม่สามารถเลี้ยงในตู้เล็กได้ ที่สำคัญคืออาจดูไม่สวยงามในสายตาคนทั่วไป

2 ปลาน้ำผึ้ง
ชื่อน่ารักดีนะครับ ปลาน้ำผึ้งเนี่ย แต่พอค้น ๆ ดูแล้วว่าท้องถิ่นเขาเรียก “อีดูด” เลยหมดท่า จากคุณหนูกลายเป็นนางทาสไป
ปลาน้ำผึ้งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gyrinocheilus aymonieri ในธรรมชาติเป็นปลาขนาดกลาง โตเต็มที่ยาวได้ถึง 20 ซ.ม. มีสีคล้ำกระด่างกระดำ มีเส้นสีดำหนาใหญ่พาดจากดวงตายาวไปจนถึงโคนหางเป็นจุดสังเกตเด่นชัด ส่วนปลาที่นำมาเลี้ยงในตู้คาดว่ามีการพัฒนาสายพันธุ์จนมีสีขาวอมชมพูหวานแหววน่ารัก ไม่มีลายคาดดำ ไม่ใหญ่โตนัก (แต่ปลาที่นำไปเลี้ยงในบ่อขนาดใหญ่ มีตะไคร่ให้กินอุดมสมบูรณ์ ปลาก็จะโตได้เต็มที่เท่ากับในธรรมชาติของมันอยู่นั่นเอง)
ปลาน้ำผึ้งมีรูปร่างยาวทรงกระบอก ปากรูปดูดเหมือนปลาซัคเกอร์ ชอบกินตะไคร่น้ำเหมือนกัน แต่บางทีเผลอ ๆ ก็แจมอาหารปลากับเขาบ้างโดยเฉพาะอาหารสดอย่างไส้เดือนน้ำ ปลาน้ำผึ้งไม่นิยมเลี้ยงรวมกับปลาทองเพราะเป็นปลาอุ้ยอ้าย แถมยังมีเมือกเยอะทำให้น้ำผึ้งชอบเข้าไปรุมตอมดูดเอาเมือกตามผิวหนังของปลาทองจนบางตัวเซ็งถอดใจลอยหงายตุ๊บป่องตายไปเลย
ในตู้ปลาขนาดปานกลางไม่ควรเลี้ยงน้ำผึ้งมากนัก เพราะน้ำผึ้งกินตะไคร่เร็ว และหากไม่มีให้กินแล้วจะซูบผอมจนหัวโตภายไม่กี่วัน เมื่อหิวมาก ๆ ก็อาจจะกลายเป็นมาทำร้ายปลาในตู้ที่ว่ายช้าป้องกันตัวเองไม่ค่อยได้จนถึงตาย
ข้อดีของปลาน้ำผึ้ง กินตะไคร่น้ำได้ดุเดือดดีมาก เป็นเครื่องจักรสังหารตะไคร่ในตู้ชนิดเยี่ยม ข้อเสีย ชอบดูดเมือกข้างลำตัวปลาอื่นที่เชื่องช้าเช่นปลาทอง บางครั้งเล่นไม่เลิกจนปลาทองตายก็มี

3 ปลาแพะ
ปลาแพะเป็นปลาแม่บ้านอีกชนิดหนึ่งที่ผมชอบมาก เพราะมันมีนิสัยดี ไม่ค่อยยุ่งกับใคร วัน ๆ ง่วนเก็บกินเศษอาหารตามพื้นไม่สนใจข่าวบ้านการเมืองเท่าไรนัก แถมยังตัวเล็ก โตจนแก่ยังไงก็เรียกได้ว่าเล็กอยู่ดี ประมาณนิ้วหัวแม่มือเท่านั้นเอง ที่สำคัญ ปลาแพะมีสายพันธุ์ให้เลือกเลี้ยงหลากหลายมาก ลวดลายสีสันแตกต่างกันไปตามแหล่งที่มาจนบางทีกลายเป็นปลาที่คนนิยมสะสมเป็นคอลเล็คชั่นมากกว่าจะนำมาเลี้ยงเป็นแม่บ้านประจำตู้ปลาจริง ๆ เสียอีก
ชื่อสกุลของปลาแพะคือ คอรีดอราส (Corydoras spp.) ส่วนชื่อสปีชีส์นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นชนิดอะไร มีหลายสิบสปีชีส์เหลือเกิน ราคาก็มีทั้งถูกแค่ไม่กี่บาทไปจนถึงหลายร้อย ให้เลือกเลี้ยงกันได้ตามอัธยาศัย แต่ตัวที่นิยมนำมาเลี้ยงเป็นปลาแม่บ้านประจำตู้ปลาคือ Corydoras aeneus หรือที่เรียกกันว่า “ปลาแพะเขียว” ลักษณะของปลาแพะเขียวจะสั้นป้อม หัวโตหางเล็ก ปากด้านล่างมีหนวดเอาไว้หาอาหารที่ซุกซ่อนอยู่ตามพื้นหรือใต้ผืนทราย ปลายหนวดมีประสาทสัมผัสที่ไวมาก และเป็นปลาที่จมูกดีเลิศราวกับสุนัขบลัดฮาวด์
ปลาแพะเขียวเมื่อเพาะไปเพาะมาก็ผ่าเหล่า มีปลาแพะเผือกออกมาสร้างสีสันแก่วงการการเลี้ยงปลา แพะเผือกสีขาวอมชมพูตาสีแดงทับทิมดูสวยสะอาดน่ารักกว่า คนก็นิยมเลี้ยงกันมากกว่า แต่ราคานั้นพอกันเพราะแพร่ขยายพันธุ์ได้ไม่ยากเหมือนกัน
ปลาแพะนิยมเลี้ยงในตู้ที่เลี้ยงปลาประชากรหลักไม่ใหญ่โตโลดโผนโหดร้ายนัก โดยมากมักเลี้ยงกับปลาเล็ก ๆ ด้วยกันหรือไม่ก็ตู้ต้นไม้น้ำ ปลาแพะเก็บเศษอาหารตามพื้นตู้กินได้ตลอดทั้งวัน ไม่ค่อยไปเบียดเบียนใคร แต่หากตามพื้นไม่มีอาหารให้มันกินมันก็อาจจะฝืนมติประชาคมแหวกว่ายขึ้นมาหาเอาบนผิวน้ำเวลาเราให้อาหารกับปลาหลักได้เหมือนกัน เห็นได้ชัดหากเราเลี้ยงปลาแพะไว้เป็นฝูงหลาย ๆ ตัว จนบางทีเจ้าแม่บ้านพวกนี้แทบไม่สนอาชีพของตัวเองไปเลย
อย่าเลี้ยงปลาแพะในตู้ปลาทอง โดยเฉพาะปลาทองขนาดใหญ่ เพราะปลาทองนั้นซุ่มซ่ามแถมยังตะกละหิวเก่ง บางทีเผลอจุ๊บเอาปลาแพะตัวน้อยติดเข้าไปในปากจนเกิดเรื่องใหญ่เพราะครีบว่ายน้ำของปลาแพะนั้นแข็งเป็นเงี่ยง เมื่อเข้าปากปลาทองไปแล้วมักจะติด เข้าทำนองกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของแท้ มีคนบอกว่าเคยเห็นปลาทองนอนตายอ้าปากหวอ ในปากมีศพปลาแพะติดอยู่ด้วย ได้ยินแล้วก็ได้แต่ปลงอนิจจัง
ข้อดีของปลาแพะ เก็บเศษอาหารที่ปลาอื่นกินเหลือหรือสำรอกออกมาแล้วฝังอยู่ตามพื้นกรวดก้นตู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสีย จะว่าไปแล้วก็ไม่น่ามี ยกเว้นอย่าไปเลี้ยงรวมกับปลาที่ใหญ่กว่าหรือดุร้ายอย่างปลาหมอสี ปลากินเนื้ออื่น ๆ

4 ปลาหมู
ปลาหมูนี้น่าจะเรียกให้เต็ม ๆ ว่าปลาหมูป่า เพราะหากใครเคยสังเกตดูดี ๆ จะเห็นว่าปลาหมูมีเงี่ยงแหลม ๆ คม ๆ ซุกซ่อนอยู่ตรงผิวหนังบริเวณใต้ดวงตา เวลาเงี่ยงนี้ง้างออกเพื่อข่มขู่ศัตรูจะดูเหมือนเขี้ยวหมูป่ามากทีเดียวเชียวครับ
ปลาหมูเป็นปลาที่มีเกล็ด แต่เกล็ดนั้นเล็กละเอียดแล้วยังไพล่ไปอยู่ใต้ผิวหนัง เลยดูกลายเป็นปลาไม่มีเกล็ดไป ตรงกันข้ามกับพวกปลาไร้เกล็ดอย่างปลาแพะและปลาซัคเกอร์ที่ตัวเองไม่มีเกล็ดแต่ก็สู้อุตส่าห์พัฒนาผิวหนังให้แข็งแกร่งเหมือนเกราะมาแทนเกล็ด อย่างนี้ต้องเรียกว่าเป็นปลาที่มีวิริยะอุตสาหะโดยแท้
ชื่อสกุลของปลาหมูคือ Botia spp. มีสายพันธุ์หลากหลายมาก แต่ที่นิยมนำมาเลี้ยงในตู้ค่อนข้างมีจำนวนน้อย ไม่ใช่เพราะไม่สวย แต่เพราะมันหามาเลี้ยงไม่ค่อยจะได้ต่างหาก ปลาหมูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือปลาหมูอินโดนีเซีย (Botia macracanthus) เรียกสั้น ๆ ว่าหมูอินโด นักเลี้ยงปลาเขายกให้เป็นปลาหมูที่มีสีสันสวยงามมากที่สุด ส่วนปลาหมูอื่น ๆ ก็ใช่จะสวยน้อยหน้ากัน อย่างเช่นปลาหมูจักรพรรดิ (Botia beauforti) ปลาหมูอินเดีย (Botia striata) ปลาหมูบางตัวมีคุณค่าอย่างยิ่งเพราะเป็นปลาใกล้สูญพันธุ์แล้วอย่างเช่นปลาหมูอารีย์ (Botia sidthimunki) ตอนนี้หากันให้ควั่กแต่ก็ไม่ค่อยจะมีขาย คาดว่าใครมีไว้ขายเข้าข่ายผิดกฏหมายเอาเสียด้วย ตรงนี้ต้องสอบถามกับกรมประมงดูอีกทีเพื่อความชัวร์
ในธรรมชาติปลาหมูหากินกลางคืน ลักษณะนิสัยคล้ายกับปลาแพะ มีหนวดอยู่ตรงปลายปากด้านล่างเหมือนกันไว้สำหรับหาอาหาร ในตู้ปลาปลาหมูกินเศษอาหารที่เหลือตกหล่นไว้ดีมาก แต่ก็ขึ้นมาร่วมแจมอาหารที่ให้กับปลาหลักได้ด้วยอย่างไม่ขัดเขินละอายแก่ใจ และนอกจากจะกินเศษอาหารได้ดีแล้ว ปลาหมูยังมีความสามารถพิเศษอีกอย่างคือกำจัดหอยเล็ก ๆ ในตู้ได้อย่างชะงัดนัก พูดแบบนี้หลายคนคงเลือกปลาหมูไว้ในใจเตรียมตัวออกไปหาซื้อมาเลี้ยง แต่เดี๋ยวก่อนครับ ฟังข้อเสียของปลาหมูสักหน่อยก่อน ปลาหมูส่วนใหญ่นิสัยไม่ค่อยดีนัก ออกก้าวร้าวน้อย ๆ ไปจนถึงก้าวร้าวใหญ่ ๆ ปลาหมูตัวจิ๋ว ๆ อย่างหมูค้อ (Botia morleti) ยาวไม่กี่เซ็นต์แต่ดุเหมือนพริกขี้หนู วิ่งไล่ปลาตัวใหญ่กว่ากระเจิดกระเจิง แม้กระทั่งปลาหมูอินโดอันแสนสวย ถ้าเลี้ยงในตู้แคบ ๆ ก็ออกอาการอาละวาดเอาเรื่องเหมือนกัน แต่ถ้าตู้มีพื้นที่สักหน่อยก็ค่อยยังชั่ว ฤทธิ์น้อยลงไปเยอะ
ข้อดีของปลาหมูอินโด กินเศษอาหารและหอยขนาดเล็ก ๆ ในตู้ปลาได้เก่งกาจไม่มีใครเกิน ข้อเสีย ตัวใหญ่ นิสัยออกก้าวร้าว ไม่สามารถเลี้ยงรวมกับปลาปลาทองหรือปลาเชื่องช้าทั้งหลายได้

วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553

ปลาแม่บ้าน ตอน1


ปลาแพะแพนด้า ปลากินเศษอาหารก้นตู้ โตเต็มที่ ปรมาณ4ซม.ไม่ก้าวร้าว เลี้ยงกับปลาเล็กๆได้ดี


ปลาโอโตซินคลัส ปลาแม่บ้านขนาดเล็กเหมาะกับตู้ต้นไม้น้ำ หรือตู้ขนาดเล็ก ไม่ก้าวร้าว


ปลาหมูอินโด เหมาะกับตู้ขนาดกลางหรือใหญ่กินหอยเล็กๆได้ดี หากเลี้ยงเป็นกลุ่มปลาจะไม่ค่อยหลบ


ปลาแม่บ้านตอนที่1
พิชิต ไทยยืนวงษ์

การเลี้ยงปลาก็เปรียบเหมือนกับเราสร้างเมืองจำลองขึ้นมาสักเมืองหนึ่ง เป็นเมืองที่เล็กบ้างใหญ่บ้างตามแต่กำลังทรัพย์และความสะดวกในการดูแล คนอยู่คอนโดหรืออพาร์ทเมนท์ก็สร้างเมืองเล็กหน่อย อาจเป็นเมืองในโหลหรือตู้ขนาดสัก 24 นิ้วกำลังสวย ถ้าคนมีที่ทางก็เลี้ยงเมืองใหญ่ขึ้น บางบ้านเล่นเมืองขนาด 2-3 เมตร เห็นแล้วอลังการงานสร้างจริง ๆ ที่ผมเปรียบตู้ปลาเหมือนกับเมือง ๆ หนึ่งนั้นก็เพราะเห็นว่ามันต้องมีองค์ประกอบสำคัญ ๆ ในแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพื้นที่ซึ่งก็คืออาณาบริเวณภายในตู้ปลาโดยรวม สภาพภูมิประเทศก็คือการจัดตกแต่งตู้ ประชากรก็คือปลาบ้างสัตว์น้ำอื่น ๆ อย่างกุ้งหรือหอยบ้าง สภาพเศรษฐกิจก็คือเรื่องของอาหารการกินวิตามินเสริมอะไรทำนองนี้ บางตู้ปลาก็มีการส่งออกเสียด้วยก็คือการแพร่พันธุ์ลูกจนเจ้าของประเทศเอาไปขายเปลี่ยนเป็นเงินมาซื้ออาหารดี ๆ เลี้ยงดูกันเองต่อไป

โฟกัสไปเฉพาะเรื่องของประชากรในตู้อันได้แก่ปลา ตู้หรือที่หลาย ๆ ท่านนิยมเรียกว่าอควาเรี่ยมนั้น มีทั้งการเลี้ยงปลาแบบแยกเดี่ยวและรวม ผมอยากพูดถึงการเลี้ยงปลาแบบรวมเนื่องจากสามารถเปรียบเทียบกับสังคมย่อย ๆ ได้มากกว่าการเลี้ยงแบบแยเดี่ยวหรือตู้ฟอร์มปลา ตู้ปลารวมก็คือตู้ที่เลี้ยงปลาหลากหลาย มีมากกว่า 2 หรือ 3 ชนิดขึ้นไป บางตู้ว่ากันเป็นสิบชนิดแล้วแต่ขนาดพื้นที่ของตู้และความสามารถในการหาปลามาเลี้ยงของผู้เลี้ยง ถ้าลงมากกว่า 1 ชนิดก็เริ่มเป็นระบบสังคมย่อย ๆ ขึ้นมาแล้วโดยที่เราบางทีก็ไม่ได้คาดคิดไว้ก่อนด้วยซ้ำ องค์ประกอบของสังคมปลาในตู้อาจแบ่งหยาบ ๆ ได้เป็น ปลาประชากรหลัก ปลาประชากรรอง และปลางานหรือปลาที่เอาไว้ใช้งาน

ปลาหลักหรือปลาประชากรหลัก อาจเป็นปลาอะไรก็ได้ที่ผู้เลี้ยงเห็นแล้วเกิดความรู้สึกไปในทางชื่นชอบความงามของมันมากกว่าประโยชน์อย่างอื่น จำนวนปลาหลักจะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบเช่นขนาดของตู้ ชนิดของปลา เป็นต้น ปลาบางอย่างเลี้ยงรวมเป็นฝูงได้ไม่มีปัญหา แต่พอเลี้ยงแบบสะเปะสะปะเอามาแค่ไม่กี่ตัวก็ออกอาการก้าวร้าวดุร้ายเช่นปลาเสือสุมาตรา ปลาแรด และปลาหมอสี ในทางตรงกันข้าม ปลาบางชนิดเลี้ยงน้อย ๆ ไม่มีปัญหา แต่พอเลี้ยงมากเข้าก็เกิดเรื่องวุ่นวายได้เช่นกัน นักเลี้ยงปลาที่มีประสบการณ์สักหน่อยจะสังเกตตรงนี้ได้ไม่ยาก และซื้อหาปลามาเลี้ยงได้อย่างเป็นสัดส่วนลงตัว แต่โดยรวมแล้วปลาประชากรหลักต้องมีจำนวนมากกว่าหรืออาจมีจำนวนน้อยแต่มีความโดดเด่นกว่าปลารอง หรือปลาประชากรรอง ไม่ใช่ปลารองบ่อนนะครับ ปลารองก็คือปลาที่ผู้เลี้ยงอาจไม่ได้ตั้งใจอยากนำมาเลี้ยงแต่แรก แต่เมื่อเลี้ยงปลาประชากรหลักไปแล้ว เนื้อที่ในตู้เหลืออยู่จำนวนจำกัด การเลี้ยงปลาอื่น ๆ จึงต้องประหยัดคือไม่สามารถหาซื้อมาเลี้ยงทีละมาก ๆ ได้อีกต่อไป อาจเลี้ยงแบบหยอด ๆ คือซื้อมาใส่ตัวหนึ่งบ้าง สองตัวบ้าง เอาแค่พอประดับให้เกิดความไม่น่าเบื่อ ปลารองอาจมีหลายชนิด แล้วแต่ผู้เลี้ยงอีกนั่นแหละ แต่จะต้องไม่มากไปกว่าปลาหลักเพราะไม่งั้นมันก็ไม่ใช่ปลารองน่ะสิครับ

ประชากรปลาสุดท้ายที่จะพูดและเป็นสิ่งที่สำคัญในการนำเสนอของผมคราวนี้ก็คือประชากรปลางาน หรือปลาที่มีเอาไว้ใช้งาน ผมชอบที่จะเรียกปลากลุ่มนี้ว่าปลาแม่บ้าน เห็นว่ามันน่ารักดี เคยไหมครับ เวลาไปหาซื้อปลาตามร้านขายปลา คนขายมักแนะนำปลาประเภทกินตะไคร่น้ำบ้าง ปลากินเศษอาหารบ้าง กินขี้ปลาด้วยกันเองบ้าง ให้เราซื้อมาติด ๆ ตู้ไว้เพื่อจะได้ช่วยกันทำความสะอาดตู้ถ่วงเวลาคนเลี้ยงไม่ให้ต้องมาล้างกันบ่อย ๆ ปลาพวกนี้แหละครับ คือปลาแม่บ้าน คนเลี้ยงไม่ได้อยากเอามาเลี้ยงเพื่อดูความสวยงามของมันเป็นเหตุใหญ่ แต่ซื้อมาเพราะเห็นว่าช่วยได้ในเรื่องของระบบนิเวศน์โดยเฉพาะการเก็บกินสิ่งที่ไม่พึงประสงค์อย่างเศษอาหารเหลือ ๆ ที่บรรดาพ่อเจ้าประคุณปลาหลักปลารองกินไม่หมด

ปลางานหรือปลาแม่บ้านจะไม่เลี้ยงกันมาก แหงละครับ มันไม่สวยงามอะไรแถมการว่ายน้ำก็ไม่ได้เป็นไปในแบบที่คนส่วนใหญ่ต้องการเสียด้วย ปลางานบางชนิดปักหลักทำมาหากินอยู่กับที่ จนกว่าสัมปทานของมันจะหมดค่อยย้ายถิ่นอย่างเช่นพวกปลากินตะไคร่ บางชนิดทำงานเฉพาะกะกลางคืน กลางวันไม่โผล่หัวอย่างเช่นปลาหมู (บางชนิด) ปลาปล้องอ้อย และบรรดาปลาในกลุ่มแคทฟิชอีกหลายชนิดเหลือเกิน โดยปรกติการเลี้ยงปลาพวกนี้มักดูสภาพของตู้ปลาโดยรวมก่อน ไม่ใช่ว่าใครแนะนำอะไรก็ซื้อดะ เพราะปลาใช้งานนั้นเมื่อมันไม่ได้กินในสิ่งที่มันต้องการตามธรรมชาติแล้วมันก็อาจจะหันมาเบียดเบียนปลาหลักในตู้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแย่งอาหารโดยตรงหรือจู่โจมเพื่อดูดเอาเมือกของปลาบางอย่างทดแทนกับสิ่งที่มันหาไม่ได้ในตู้ (เพราะตู้อาจจะสะอาดเกินไป) ยกตัวอย่างหน่อย จะได้เห็นชัด ๆ

อย่างตู้ที่มีตะไคร่ขึ้นจัด โดนแดดมากหรือใช้แสงไฟมากเพื่อให้ต้นไม้น้ำเติบโตหรืออะไรก็สุดแท้แต่ เอาเป็นว่าตู้นี้มีตะไคร่เยอะ อย่างนี้สมควรเอาปลาที่มีคุณสมบัติกินตะไคร่น้ำมาเลี้ยง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับชนิดของปลาหลักที่เลี้ยงอยู่ด้วยว่าเป็นปลาอะไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาในภายหลัง เช่นคนที่มีตู้เล็กนิดเดียว แต่ดันไปหาเอาปลาซัคเกอร์มาเลี้ยง ปลาซัคเกอร์เป็นปลาใหญ่ เมื่อโตเต็มที่อาจมีความยาวได้ถึง 50 ซ.ม. แต่โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ราว ๆ 1 ฟุต พอปลาโตขึ้น ตู้เลี้ยงไม่ไหว เจ้าของก็เล่นวิธีง่าย ๆ คือเอาไปโยนลงคลอง กลายเป็นปัญหาสังคมในระดับที่ใหญ่ขึ้นไปอีก เพราะเจ้าซัคเกอร์นี้เป็นปลาที่นอกจากจะกินตะไคร่น้ำได้เก่งมากแล้ว ยังเป็นปลาที่มีศักยภาพสูงในการขโมยกินไข่ปลาอื่น ๆ อีก แถมยังมีศัตรูน้อย (ซัคเกอร์เป็นปลาจากทวีปอเมริกาใต้ ในธรรมชาติของมันมีศัตรูอยู่ไม่น้อยเป็นการรักษาระดับปริมาณของพวกมันให้เกิดสมดุล) ซัคเกอร์แพร่ขยายพันธุ์เร็วมาก ไม่คุ้มกันหรอกกับปลาสายพันธุ์ไทยแท้ในแม่น้ำลำคลองที่ต้องทะยอยสูญหายไปด้วยการเข้ามาทดแทนของมัน
หากมีตู้เล็ก ก็ควรหาปลากินตะไคร่ที่ขนาดไม่ใหญ่นัก เรียกว่าอยู่ในตู้ได้จนแก่ตายไปเลย ปลาแบบนี้มีเยอะครับ เช่นปลาน้ำผึ้ง ปลาซัคเกอร์ผีเสื้อ ปลาเล็บมือนาง เป็นต้น

ตู้ที่สกปรกเลอะเทอะหน่อยเพราะเจ้าของชอบให้อาหารปลามาก ๆ นัยว่าปลาจะได้โตเร็ว ตู้แบบนี้ควรมีปลาเก็บเศษอาหารตามพื้นมาช่วยเพราะปลาที่กินอาหารมากเกินความพอดีของมันแล้ว สักพักหนึ่งจะสำรอกออกมา หรือไม่ก็ออกมาเป็นอุจจาระที่ยังไม่ค่อยจะย่อยดีนัก เหล่านี้ทำให้น้ำเสียเร็วกว่าปรกติ ปลาเก็บเศษอาหารช่วยได้มากทีเดียว มันจะคอยว่ายระไปตามพื้น หาเศษหาเลยกินไปตามเรื่อง ไม่ค่อยขึ้นมาแย่งอาหารปลาบนผิวน้ำกินนอกจากจะปล่อยให้มันอดอยากจนต้องพัฒนาตัวเองบากหน้าขึ้นมากินอาหารข้างบน เข้าทำนองด้านได้อายอดนั่นเอง ปลากลุ่มนี้ได้แก่กลุ่มปลาแพะ ปลาหมู ซึ่งบางทีก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าปลาพวกนี้บางชนิดก็มีสีสันที่สวยไม่ใช่เล่น อาจควบตำแหน่งปลาประชากรรองไปด้วยในตัวก็มี

อีกกรณีหนึ่งที่คนชอบเลี้ยงต้นไม้น้ำมักเจอกัน นั่นคือปริมาณหอยในตู้ปลามากจนเหลือจะเก็บด้วยมือ หอยที่ว่ามีขนาดเล็กจิ๋ว แต่หากปล่อยให้โตเต็มที่ก็ประมาณ ๆ 1-2 ซ.ม. ทีเดียว แถมยังแพร่ขยายพันธุ์เร็วอย่างน่าสะพรึงกลัว หากไม่มีตัวกำจัดที่มีประสิทธิภาพจริง ๆ แค่ไม่กี่วันจะเห็นลูกหอยยิบ ๆ เกาะพราวตามตู้เต็มไปหมด โดยปรกติแล้วปลาเกือบทุกชนิดสามารถกินตัวอ่อนของหอยได้ ตู้ที่เลี้ยงปลาจึงยังคงรักษาดุลยภาพของปริมาณหอยได้ในระดับที่ไม่เลวร้ายจนเกินไปนัก แต่ก็ไม่หมดจดเสียทีเดียว เพราะหอยนั้นไปได้ทุกที่ อยู่ทุกซอกหลืบ และเมื่อเติบโตขึ้นมาสักหน่อยแล้วเปลือกมันก็แข็งแรงพอที่จะปกป้องตัวมันเองจากปากปลาโดยทั่วไป นักเลี้ยงปลาที่อยากจัดการกับปัญหานี้ให้เด็ดขาดจึงมักหาซื้อปลาปักเป้ามาเลี้ยง ไม่ต้องมากมายครับ แค่ตัวสองตัวหอยเล็กหอยใหญ่ก็หายเกลี้ยงแล้ว ปักเป้าเป็นปลาที่กินหอยโดยธรรมชาติ มันมีฟันแข็งแรงขนาดใหญ่ งับทีเดียวเปลือกหอยแตกกร้วม เคี้ยวกินอย่างกับเรากินข้าวเกรียบอย่างไรอย่างนั้น

แต่ปลาปักเป้าเองก็มีหลายชนิด ไม่ใช่ว่าจะเลี้ยงได้ไปทั้งหมด บางชนิดตัวใหญ่ยักษ์ว่ากันเป็นฟุต แต่บางชนิดก็ตัวจิ๋วหลิวแค่เซ็นต์สองเซ็นต์ แถมยังมีชนิดน้ำจืดแท้ ๆ กับน้ำกร่อย ใครไม่รู้ไปซื้อปลาปักเป้าน้ำกร่อยมาเลี้ยงในตู้น้ำจืด แค่ไม่กี่วันปลาปักเป้าก็ตาย ปิศาจหอยก็กลับมามีอำนาจครองตู้ต่อไปตามเดิม ปักเป้าน้ำกร่อยมีให้เห็นมากหลายชนิด แถมยังราคาถูกและมีลวดลายเด่นตา เช่น ปักเป้าซีลอน ปักเป้าจุด ปักเป้าทอง ถ้าเป็นปักเป้าน้ำจืดจริง ๆ มักมีลวดลายไม่ค่อยสวยนัก เช่นปักเป้าดำ ปักเป้าโชติสุวัตถิ แต่บางชนิดก็มีลายเด่นสะดุดตาเช่น ปักเป้าปาเลมบัง ปักเป้าสมพงษ์ ปักเป้าแคระหรือปักเป้าเหลือง เป็นต้น

ปักเป้าเป็นปลานิสัยก้าวร้าว หากปลาหลักเป็นปลาขนาดเล็กหรือค่อนข้างบอบบางอ่อนแอแล้วก็ไม่ควรเลี้ยง หรือเลือกเลี้ยงปักเป้าชนิดที่มีขนาดแคระเช่นปักเป้าแคระ (Yellow Puffer) จะได้ไม่เกิดปัญหาปลาใช้งานไปกัดปลาประชากรหลักกินเป็นอาหาร

ในสังคมมนุษย์เรายังเรียกร้องหาความยุติธรรมให้กับทุกกลุ่มทุกชนชั้น ในสังคมปลาก็เช่นกัน โดยเฉพาะสังคมปลาในตู้ที่เราควบคุมดูแลมันกับมือของเราเอง ก็ควรจะดูแลเอาใจใส่ปลาทุกกลุ่มอย่าให้เกิดความรักใคร่แบบลำเอียง บางท่านเห็นปลาใช้งานเจ็บป่วยหรือไม่ค่อยได้กินอาหารจนตัวผอมลีบ ก็ไม่ยอมจัดการแก้ไขอย่างไรเพราะคิดว่าราคาของมันแค่ไม่กี่บาท ตายลงก็คงไม่เป็นไร แต่กับปลาหลักที่ซื้อมาราคาแพง ๆ พอเจ็บขึ้นมานิดหน่อยก็หน้าตั้งวิ่งวุ่นหายามาใส่ แม้ว่าสังคมปลาในตู้จะเป็นสังคมย่อย แต่ก็คือการจำลองรูปแบบมาจากสังคมใหญ่ที่เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นอยู่ด้วย และเราคงไม่พอใจนักหากผู้มีอำนาจในการปกครองประเทศเกิดความลำเอียง อุ้มชูคนที่เขาเห็นว่าดีและละเลยคนที่เขาเห็นว่าไม่มีค่าสำหรับตัวเขาปล่อยให้เผชิญวิบากกรรมไปจนอดอยากปากแห้งล้มหายตายจากไปอย่างไร้คนเหลียวแล ผมชักจะแก่การเมืองไปแล้วหรืออย่างไรกันนี่ คราวหน้ามาว่ากันเรื่องชนิดของปลาแม่บ้านกันดีกว่านะครับ